SEO Content Creator คืออะไร พร้อม วิธีเขียนบทความ SEO ให้ติดอันดับ

SEO Content Creator หรือนักเขียนบทความซึ่งรู้เรื่อง SEO เป็นอาชีพที่ตลาดด้าน Digital Marketing ต้องการสูง เพราะมีทักษะเขียนบทความได้ตรงประเด็น ดึงดูดผู้อ่าน รู้เทคนิคให้บทความปรากฏในลำดับต้นๆของ Search Engine อันจะช่วยเพิ่มปริมาณคนเข้าเว็บ สร้าง Brand Awareness โอกาสขายสินค้าหรือโด่งดังในออนไลน์จึงมากขึ้น

บทความนี้จะอธิบายว่า SEO Content Creator คืออะไร ต้องมีทักษะอะไร และขั้นตอนการเขียนบทความ SEO แบบ Step – By – Step รายละเอียดอย่างไร มาดูกันเลยครับ

SEO Content Creator คืออะไร

SEO Content Creator คือ นักเขียนซึ่งเข้าใจการทำงานของ Search Engine (บทความนี้จะขอแทนคำว่า Search Engine ด้วย Google) ทราบว่า Google ใช้หลักเกณฑ์ใดในการเลือกบทความมาแสดงผล และรู้วิธีเขียนบทความ SEO (SEO Content) เพื่อเพิ่มโอกาสที่บทความจะปรากฏในหน้าแรกของผลการค้นหา

SEO Content Creator ต้องมีทักษะอะไรบ้าง

นักเขียนบทความ SEO หรือ SEO Content Creator ควรมีทักษะและองค์ความรู้ดังข้างล่าง โดยหัวข้อนี้จะขอกล่าวถึงทักษะอย่างคร่าวๆ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม จะนำเสนอในหัวข้อถัดไปนะครับ

SEO Content Writer คืออะไร ต้องมีทักษะอะไรบ้าง

1. ทักษะการเขียน

SEO Content Creator ต้องมีทักษะการเขียนที่ดี  ค้นหาข้อมูลเก่ง เล่าเรื่องกระชับ ตรงประเด็น เขียนอธิบายเห็นภาพ เข้าใจง่าย 

2. ทักษะการทำ Keyword Research 

การทำ Keyword Research คือ การค้นหาว่า คนใช้คำอะไรในการค้นหาข้อมุลใน Search Engine

สำหรับ นักเขียนบทความ SEO ทักษะการค้นหา Keyword นั้นสำคัญมาก เพราะทำให้รู้ว่า คนใช้คำอะไรค้นหาข้อมูล ปริมาณคนค้นหาเท่าไหร่ คำไหนติดอันดับยากหรือง่าย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลสำคัญที่จะนำมาใช้ เพื่อให้ การทำ SEO เว็บไซต์ประสบความสำเร็จ

3. เข้าใจเรื่อง Search Intent

Search Intent คือ เจตนาของผู้ค้นหาข้อมูล คีย์เวิร์ดแต่ละคำนั้นมี Search Intent ที่แตกต่างกัน คียเวิร์ดบางคำถูกใช้เพื่อค้นหาข้อมูล บางคำใช้เพื่อซื้นสินค้าและบริการ

SEO Content Creator ต้องวิเคราะห์ว่า Search Intent ของคีย์เวิร์ดคืออะไร เพื่อที่จะเขียนเนื้อหาของบทความให้ตรงกับสิ่งที่ผู้อ่านต้องการ

4. การทำ On – Page Optimization

On – Page Optimization คือ การปรับแต่งบทความภายในเว็บเพจ และหน้าเว็บไซต์เพื่อเพิ่มโอกาสให้บทความถูกจัดอยู่ในลำดับต้นๆของผลการค้นหา 

นักเขียนบทความ SEO ต้องมีความรู้เรื่องการทำ On – Page เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บทความติดอันดับต้นๆของผลการค้นหา

5. เข้าใจการทำงานของ Search Engine

SEO Content ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ปรากฏในลำดับต้นๆของ Search Engine ดังนั้น SEO Writer ควรเข้าใจว่า Search Engine คืออะไร มีวิธีการจัดอันดับอย่างไร เพื่อเขียนบทความให้สอดคล้องไปตามนั้น

หลักจากรู้ทักษะที่ SEO Content Creator ควรมีแล้ว ต่อไปเรามาดูกันว่า แล้ว SEO Content จริงแล้วคืออะไรกันครับ

SEO Content คืออะไร

บทความ SEO (SEO Content) คือ บทความที่ถูกสร้างขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมาย 2 อย่าง คือ

1. บทความปรากฏในลำดับต้นๆ ของผลการค้นหาใน Search Engine 

2. นำเสนอข้อมูลมีประโยชน์ซึ่งตรงกับสิ่งที่ผู้คนหาต้องการ

SEO Content แตกต่างจากบทความปกติอย่างไร

การสร้าง SEO Content ช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณถูกพบเห็นได้ง่ายในการค้นหาออนไลน์ ทำให้มีโอกาสเพิ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์ โอกาสทำธุรกิจออนไลน์ให้สำเร็จจึงมีมากขึ้น 


บทความปกติ คือ บทความที่เขียนขึ้นโดยมีเป้าหมายหลัก คือ นำเสนอข้อมูลไปยังผู้อ่าน เน้นการเล่าเรื่อง ตั้งคำถาม รูปแบบภาษาสวยงาม เข้าใจง่าย ดึงดูดให้ชมอ่านจนจบ

ความแตกต่างระหว่างบทความปกติ กับ SEO Content คือ SEO Content มีเป้าหมายหลักคือ  ต้องการให้บทความปรากฏในลำดับต้นๆ ของผลการค้นหาใน Search Engine ดังนั้น SEO Content นอกจากนำเสนอข้อมูลไปยังผู้อ่านแล้ว ต้องมีการปรับแต่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปรากฏในลำดับต้นของ Search Engine ด้วย

จากความแตกต่างข้างต้น บ่อยครั้งเราจึงพบเหตุการณ์ว่า บทความซึ่งส่งสารในประเด็นหนึ่ง ได้อย่างชัดเจน เข้าใจง่าย เนื้อเรื่องดึงดูดชวนติดตาม คนแชร์กันจำนวนมากในโซเชียล แต่เมื่อคนค้นหาคำที่เกี่ยวกับประเด็นนั้นใน Search Engine บทความกลับปรากฏในลำดับท้ายๆ  นั่นเป็นเพราะว่า บทความดังกล่าวมีเป้าหมายหลักเพื่อสื่อสารไปยังผู้อ่าน แต่มิได้ทำมาเพื่อให้ปรากฏในลำดับต้นๆของ Search Engine นั่นเอง

แต่ละวัน SEO Content Creator ทำอะไรบ้าง

หัวข้อนี้ เรามาดูว่า SEO Content Creator ทำอะไรบ้าง ในแต่ละวัน เนื้องานจริงซึ่งต้องปฏิบัติ มีดังนี

1. ค้นหาคีย์เวิร์ด

หน้าที่แรกคือ การค้นหาคีย์เวิร์ดซึ่งเป็นคำที่คนใช้ค้นหาข้อมูลใน Google

การหาคีย์เวิร์ดเริ่มจาก SEO Writer ใช้เครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ด (Keyword Tool) เครื่องมือจะแสดงข้อมูลว่า คนใช้คำอะไรค้นหาข้อมูล แต่ละคำมีปริมาณคนค้นหาเท่าไหร่ มีคู่แข่งในการทำ SEO เยอะหรือไม่ SEO Writer ต้องรวบรวมข้อมูลข้างต้น เพื่อนำมาวางแผนในการเขียนบทความต่อไป

2. วางแผนการเขียนคอนทเนต์

หน้าที่สองคือ วางแผนการเขียนคอนทเนต์ ได้แก่ การนำข้อมูลจากการค้นหาคีย์เวิรด์ มาดำเนินการดังต่อไปนี้

  • วิเคราะห์ Search Intent

3. ทำ On – Page Optimization

On – Page Optimization คือ การปรับแต่งบทความให้ถูกหลัก SEO หลักจากเขียนบทความเสร็จ SEO Content Writer ต้องทำ On – Page Optimization เพราะทำให้บทความติดอันดับต้นๆของ google ง่ายขึ้น

4. วัดผลและปรับปรุง

หลังจากเผยแพร่บทความ SEO Writer ต้องวัดผลลัพธ์ที่เกิด ตรวจสอบว่า บทความปรากฏอันดับเท่าไหร่ มีปริมาณคนคลิ๊กชมมากหรือน้อย เวลาซึ่งคนอ่านกี่นาที

หากผลลัพธของบทความไม่เป็นตามเป้า SEO Writer ต้องปรับปรุงบทความ เช่น เพิ่มเนื้อหาที่คนต้องการอ่าน แก้ประโยคให้กระชับ เข้าใจง่ายขึ้น หรือปรับปรุงเนื้อหาให้เป็น up to date

การปรับปรุงบทความ จะเพิ่มโอกาสให้ผลลัพธ์ของบทความเป็นอย่างที่หวัง เช่น คนใช้เวลาอ่านนานขึ้น แชร์มากขึ้น เป็นต้น

5. ติดตามการเปลี่ยนแปลงของ Search Engine Algorithm

Search Engine algorithm [วิธีการคัดเลือกบทความเพื่อแสดงบนผลการค้นหา] นั้น เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงตลอด SEO Writer ต้องติดตาม และ ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของ Search Engine algorithm อยู่ตลอดเวลา

การเข้าใจว่า ปัจจุบัน Search Engine algorithm มีรายละเอียดอย่างไร จะทำให้ SEO Writer สามารถเขียนบทความซึ่งปรากฏบนลำดับต้นของผลการค้นหาได้

วิธีการเขียนบทความ SEO อย่างไรให้ติดอันดับ

ประเด็นสุดท้ายคือ SEO Content Creator จะเขียนบทความอย่างไร ให้ติดอันดับต้นๆของผลการค้นหา

ผมในฐานะผู้ซึ่งมีประสบการณ์เขียน SEO Content ขอแชร์วิธีการเขียนบทความ SEO ดังนี้

SEO Writer เขียนบทความอย่างไร

1. กำหนดเป้าหมาย

ขั้นตอนแรกในการสร้าง SEO Content คือ กำหนดเป้าหมาย เป้าหมายนั้นมีหลากหลาย เช่น เพิ่มปริมาณคนเข้าเว็บ , สร้าง Brand Awareness , โปรโมทสินค้า , จูงใจเพื่อปิดการขาย และอื่นๆ 

เมื่อทราบเป้าหมาย เราจะสามารถกำหนด “รายละเอียด” ของบทความได้อย่างถูกต้อง เช่น เราจะรู้ว่า ควรเขียนเนื้อหาแบบให้รายละเอียดสินค้า หรือ เขียนจูงใจเพื่อให้คนซื้อ ประเด็นใดควรเน้น  ขอบเขตต้องเนื้อหาครอบคลุมแค่ไหน เป็นต้น 

2. ค้นหาคีย์เวิร์ด

เมื่อทราบเป้าหมาย ขั้นตอนต่อมาคือ การค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับบทความที่ต้องการเขียน 

การค้นหาคีย์เวิร์ด จะทำให้เราทราบว่า คนใช้คำอะไรค้นหาข้อมูล พวกเขาสนใจเรื่องใด ประเด็นหัวข้อไหนที่ต้องการทราบ

ประโยชน์อีกอย่างคือ ช่วยให้บทความติดอันดับได้ง่าย เพราะปกติ Search Engine จะแสดงบทความที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่คนค้นหาเป็นลำดับต้น ดังนั้น เมื่อเรารู้ว่าคนใช้คีย์เวิร์ดอะไร แล้วนำคำนั้นไปใส่ในบทความ Search Engine ก็จะมองว่า บทความเราเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดนั้น จึงเพิ่มโอกาสปรากฏในลำดับต้นๆ

คุณสามารถดูวิธีค้นหาคีย์เวิร์ดอย่างละเอียดได้ ตามลิงก์ข้างล่าง

Google Keyword Planner ตั้งแต่วิธีสมัครจนใช้ได้จริง

3. หา Search Intent

หลังจากรู้คีย์เวิร์ด ขั้นตอนที่ 3 คือ หา “Search Intent” ของคีย์เวิร์ดนั้น

Search Intent คือ เจตนาของผู้ค้นหา มันคือสิ่งที่บอกว่า ผู้ค้นหาข้อมูลต้องการข้อมูลประเภทไหน  เพราะเมื่อคนหาข้อมูล ต่างคนต่างต้องการ “ประเภทข้อมูล” ต่างกัน เช่น บางคนอยากได้ข้อมูลสินค้าเพิ่ม บางท่านอยากอ่านรีวิว บางคนอยากซื้อสินค้า

การรู้ Search Intent จะทำให้ SEO Writer เขียนบทความที่ตอบสนองความต้องการผู้อ่านได้ตรงจุด


โดย Search Intent มี 4 ชนิด ดังนี้

  1. การค้นหาข้อมูล (Informational) เป็นการ Search เพื่อค้นหาข้อมูล หรือ อยากรู้คำตอบของบางสิ่ง ตัวอย่างคีย์เวิร์ดชนิด Information
  • SEO Content คืออะไร
  • ประวัติ วัดร่องขุน
  • วิธีลดน้ำหนักภายใน 1 เดือน
  1. การหาทางไปเว็บไซต์ (Navigational) เป็นการ Search เพื่อจะเข้าไปยังเว็บไซต์ของแอพ สินค้า หรือ บริการบางอย่าง ตัวอย่างคีย์เวิร์ดชนิด Navigational
  • Facebook
  • Tiktok
  • Toyota
  1. การค้นหาข้อมูล (Informational) เป็นการ Search เพื่อหาข้อมูลสินค้าหรือบริการที่สนใจ เพื่อใช้ตัดสินใจ แต่ไม่ถึงขั้นซื้อสินค้า ตัวอย่างคีย์เวิร์ดชนืด Commercial Investigation
  • Toyota Altis เครื่องยนต์
  • Digital Agency เจ้าไหนดี
  • โรงแรมริมน้ำ กรุงเทพ
  1. การหาข้อมูลเพื่อซื้อสินค้า (Transactional) เป็นการ Search ของคนที่ตัดสินใจซื้อสินค้าและหาข้อมูลเพื่อทำให้การซื้อเสร็จสิ้น ตัวอย่างคีย์เวิร์ดชนิด Transactional
  • ซื้อตั๋ว การบินไทย ภูเก็ต
  • จองรถ Tesla
  • จองโต๊ะ ร้านบ้านสบาย


4. เขียนบทความ


หลังจาก 3 ขั้นตอนแรก SEO Writer รู้แล้วว่า  จะเขียนบทความซึ่งเป้าหมายและหัวข้ออะไร เนื้อหาแบบไหนจึงโดนใจผู้ค้นหา

ข้อตอนที่ 4 คือ ลงมือเขียนบทความ เริ่มจากกำหนดชื่อบทความ หัวข้อหลักและย่อย  แล้วเขียนเนื้อหาแต่ละหัวข้อให้ครบถ้วน

เมื่อเขียนเสร็จ จึงเข้าสู่ขึ้นตอนต่อไป

5. On – Page Optimization

หลังจากเขียนบทความเสร็จ ขั้นต่อไปคือ On – Page Optimization

On – Page Optimization คือการปรับบทความที่เขียน ให้ง่ายต่อการปรากฏในลำดับต้นๆของ Search Engine โดยสิ่งที่ต้องทำ มีดังนี้

  • ใส่คีย์เวิร์ดใน Title Tag , Meta description , Heading Tag และเนื้อหาบทความ
  • ปรับแต่ง URL
  • สร้าง Internal link
  • ปรับชื่อรูปภาพและ Alt text
  • ทำให้เว็บเพจแสดงเนื้อหาอย่างรวดเร็ว (Page Speed Optimization) และอื่นๆ
  • กำหนดชื่อบทความ หัวข้อหลัก หัวข้อย่อย โดยชื่อ หัวข้อ ต้องสอดคล้องกับ Search Intent และควรมีคีย์เวิร์ดแทรกอยู่
  • เขียนรายละเอียด ขยายความของแต่ละหัวข้อ ควรเขียนอธิบายให้กระชับ ตรงประเด็น ไม่วกวน ให้ข้อมูลครบถ้วน
  • จัดหาสื่อ รูปประกอบบทความเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้บทความ

ดูวิธีการทำ On – Page Optimization อย่างละเอียด ตามลิงก์ข้างล่าง

7 กระบวนท่า ON – PAGE เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ทาง SEO

6. เผยแพร่และโปรโมท

นำบทความที่ทำ On – Page เสร็จแล้ว ไปเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ตในแพลต์ฟอร์มต่างๆ เช่น เว็บไซต์ , FB Page , Writing Public Platform (Medium , Pantip , trueplookpanya  และอื่นๆ

 ขั้นตอนสุดท้ายคือ โปรโมทบทความ ตามวิธีการดังนี้

  • การแชร์บทความในโซเซียลมีเดีย เช่น Facebook You Tube Community
  • แทรกลิงก์บทความใน Twitter &Tiktok 
  • ส่งเมล์ไปหาสื่อออนไลน์หรืออินฟลูเอนเซอร์ซึ่งเกี่ยวข้องกับบทความคุณเพื่อแจ้งว่า คุณมีบทความมีประโยชน์ รบกวนพิจารณาแชร์ในเว็บหรือแอคเคาท์ของพวกเขาได้หรือไม่
  • ซื้อโฆษณาออนไลน์ เพื่อทำให้คนจำนวนมากเห็นบทความ และอื่นๆ

 ซึ่งหลักจากทำ 6 ขั้นตอนข้างต้น เว็บไซต์เราก็จะมีบทความ SEO เพื่อนำไปโปรโมทในโลกออนไลน์แล้วครับ