Ahrefs คืออะไร พร้อมวิธีใช้งาน Keyword Explorer [VDO สอนละเอียด]

โปรแกรม Ahrefs คืออะไร 

โปรแกรม Ahrefs เป็นเครื่องมือ SEO ที่ครบวงจร ให้ข้อมูลเชิงลึกมากมาย  เช่น ข้อมูล Backlink , คีย์เวิร์ด , การวิเคราะห์คู่แข่ง, อันดับบนผลการค้นหา , การตรวจสอบไซต์ และอื่นๆ อีกมากมาย ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาใช้เพื่อทำให้เว็บไซต์ปรากฏลำดับต้นๆของผลการค้นหาได้

ทำไม โปรแกรม Ahrefs ถึงได้รับความนิยม

อินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย: Ahrefs มีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย, ดูเป็นระเบียบ ไม่สับสนวุ่นวาย จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้เริ่มต้นและมืออาชีพด้าน SEO ที่มีประสบการณ์

ข้อมูลที่แม่นยำและทันสมัย: Ahrefs มีชื่อเสียงในเรื่องความแม่นยำของข้อมูลและการอัปเดตที่บ่อยครั้ง, ทำให้คนทำ SEO มีข้อมูลล่าสุดที่พวกเขาต้องการ

ความหลากหลาย: ไม่ว่าจะเป็นเว็บขนาดเล็ก เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ ทั้งในไทยและเทศ Ahrefs มีข้อมูลมากพอที่จะตอบสนองความต้องการของนักการตลาดออนไลน์

การสอนใช้งาน: Ahrefs ไม่เพียงแต่ให้เครื่องมือ แต่ยังให้ความรู้ เละ เทคนิคดีๆแก่ผู้ใช้ด้วยการสอน, บล็อก, และวิดีโอ ผู้ใช้งาน Ahrefs จึงหาข้อมูลวิธีใช้งานซอฟท์แวร์ได้ง่าย รู้เทคนิคในการใช้ Ahrefs เพื่อสร้างผลลัพธ์การทำ SEO ให้สำเร็จ

โปรแกรม Ahrefs : ราคาเท่าไหร่ 

ราคาค่าใช้งาน Ahrefs ที่นิยมใช้งาน มีอยู่ 3 ราคา รายละเอียดตามรูป 

โปรแกรม Ahref มีเครื่องมือเด่นอะไรบ้าง

Ahref มีเครื่องมือเด่นอยุ่ 3 เครื่องมือ เป็นเครื่องมือยอดนิยมและถูกใช้ประจำ ได้แก่

1. Keyword Explorer : เครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ด

2. Site Explorer : เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่งอย่างละเอียดด

3. Site Audit : เครื่องมือตรวจสอบ Technical SEO ของเว็บไซต์

4. Rank Tracker : เครื่องมือเช็คอันดับคีย์เวิร์ดของเว็บไซต์

โดยบทความนี้ จะแชร์วิธีใช้งานเครื่องมือ Keyword Explorer พร้อมวิดิโอสอนอย่างละเอียด รายละเอียดเป็นอย่างไร มาดูกันเลยครับ

Ahrefs Keyword Explorer Tool : VDO

Ahrefs Keyword Explorer : วิธีใช้งาน

Ahrefs’ Keyword Explorer เป็นเครื่องมือที่ให้ข้อมูลคีย์เวิร์ดซึ่งคนใช้ค้นหาข้อมูล

ข้อมูลพื้นฐานของ Keyword Explorer ที่ควรทราบ มีดังนี้

Keyword Difficulty 

Keyword Difficulty  (KD) คือคะแนนความยากในการทำ SEO มีค่าตั้งแต่ 0 – 100 ยิ่งมีค่ามาก (เข้าใกล้ 100) แสดงว่า คีย์เวิร์ดมีการแข่งขันในการทำ SEO สูง 

KD เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกคีย์เวิร์ด  คีย์เวิร์ดซึ่งมี KD สูง คือ คีย์เวิร์ดที่ต้องใช้ทรัพยากรและความพยายามในการทำ SEO มาก เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันอันรุนแรง นักทำ SEO อาจเลือกคีย์เวิร์ดแบบ long tail ที่มี KD ต่ำ เพราะทำให้ติดอันดับต้นๆง่ายกว่า และสร้าง Organic Traffic ให้เว็บไซต์ด้วย

Volume

Volume คือ ปริมาณซึ่งคนใช้ค้นหาข้อมุลในกูเกิ้ลต่อเดือน Search Volume สูง สะท้อนว่า เป็นคำที่คนนิยมใช้คนหาข้อมูล อย่างไรก็ตาม คีย์เวิร์ดที่มี SV สูง มักมี KD สูงตามด้วย

Traffic potential

Traffic potential  คือ ปริมาณ Organic Traffic ซึ่งเว็บเพจที่ปรากฏในอันดับแรกสุดได้รับ 

ตัวอย่างเช่น จากรูปข้างบน  คีย์เวิร์ด “Keyword คือ” มีค่า Traffic potential = 2.4k  เว็บเพจที่ติดอันดับแรกสุดคือ https://contentshifu.com/pillar/seo-keyword-research  ความหมายคือ เว็บเพจอันดับแรกได้ organic Traffic ประมาณ 2.4K 

คำถามคือ ทำไม Traffic potential มีค่ามากกว่า Search Volume เพราะ เว็บเพจอันดับแรกอาจได้รับ Organic Traffic จากคีย์เวิร์ดอื่นด้วย ส่งผลให้ Organic Traffic มีค่ามากกว่า Search Volume นั่นเอง

Keyword Idea

Keyword Idea คือคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับคำที่กำลังค้นหาข้อมูล 

เมื่อกดไปที่  View all จะปรากฏข้อมูลตามรูปข้างล่าง

เรามาดูรายละเอียดของ Keyword Idea กันเลยครับ

Matching Term 

Matching Term คือ คำซึ่งมีคำค้นหาปนอยู่ ตัวอย่างเช่น  คำค้นหาคือ “Keyword คือ”  Matching Term จะแสดงคำว่า 

  • “Keyword Research คือ” 
  • “คำสำคัญ Keyword คือ”
  • “long tail keyword คือ”  

 จะเห็นว่า Matching Term จะแสดงคีย์เวิร์ดที่มีคำว่า “Keyword คือ” รวมอยู่

หน้าจอทางซ้าย มีหน้าต่าง “By Terms”  By Terms คือ การจัดกลุ่มคีย์เวิร์ดที่มี “คำร่วม” ให้อยู่ด้วยกัน

โดย Matching Term Metric ที่ควรทราบมีดังนี้

Volume  : แสดงถึงจำนวนเฉลี่ยของการค้นหาคีย์เวิร์ดในแต่ละเดือนของประเทศหนึ่งๆ ตัวเลขนี้แสดงถึงจำนวนการค้นหาทั้งหมด และเป็นค่าเฉลี่ย ซึ่งหมายความว่ามันสามารถเปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้งปี

Keyword Difficulty  (KD) : การวัดว่ามีความยากแค่ไหนในการจัดอันดับในผลการค้นหา

Global Volume (GV) :  แสดงถึงจำนวนเฉลี่ยของการค้นหาคีย์เวิร์ดในแต่ละเดือนของทุกประเทศรวมกัน ถ้าเป็นคีย์เวิร์ดภาษาไทย GV มักมีค่าใกล้เคียงกับ Search Volume

Traffic potential (TF) : คือ ปริมาณ Organic Traffic ซึ่งเว็บเพจที่ปรากฏในอันดับแรกสุดได้รับ

CPC : ค่าเฉลี่ยของต้นทุนโฆษณาของการคลิกต่อครั้งของคีย์เวิร์ดนี้ ค่านี้เป็นข้อมุลว่า หากต้องการให้เว็บปรากฏในตำแหน่งโฆษณา (บนสุด) ต้องเสียเงินต่อคลิ๊กเท่าไหร่

CPS : ย่อมาจาก Click per Search คือ อัตราการคลิ๊กชมเว็บไชต์ต่อการค้นหา CPS วิธีคิดเท่ากับ

CPS = ปริมาณคลิ๊กชมเว็บไชต์ (Click) / ปริมาณการค้นหาของคีย์เวิร์ด 

CPS คือค่าสะท้อน Engagement ของผู้ค้นหา หาก CPS มีค่ามากกว่า 1 สะท้อนว่า ผู้ค้นหาคลิ๊กชมเว็บไซต์ซึ่งปรากฏในผลการค้นหาหลายครั้ง 

Cluster by terms : เป็นการจัดกลุ่มคีย์เวิร์ดที่มีคำร่วมไว้ด้วยกัน แล้วนำมาแสดงผลอย่างเป็นระเบียบและชัดเจน ตามรูปข้างล่าง

Related term

Related term คือ คำซึ่งเกี่ยวข้องกับคำค้นหา อาจมีคำค้นหาปนอยู่ หรือ ไม่มีก็ได้ 

ตัวอย่างเช่น เมื่อพิมพ์คำว่า “Keyword คือ” คำที่ปรากฏใน Related term เป็นตามรูปข้างล่าง 

จากข้อมูลข้างบน คำที่ปรากฏอาจมีคำค้นหาปนอยุ่ หรือ ไม่มีก็ได้ เช่น “Keyword แปลว่า , คีย์เวิร์ด คือ , google keyword” 

โดย Related Term Metric จะเหมือนกับ Matching Term Metric  ซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้ที่ Keyword Metric

เทคนิคการใช้งาน  Matching &  Related Term 

Matching Term จะสะท้อนข้อมูลว่า คีย์เวิร์ดมีคำมาขยาย หรือ มี long tail keyword เป็นจำนวนเยอะหรือน้อย  

หากมีคำขยายมาก แสดงว่า เป็นคีย์เวิร์ดที่คนนิยมคนหา (Search Volume สูง)  และมักจะมีคำที่เหมาะเป็นหัวข้อบทความ  จึงเหมาะเป็นคีย์เวิร์ดที่ถูกเลือกมาทำ SEO

กลับกัน หากมีจำนวนคำขยายน้อย มีปริมาณค้นหาไม่มาก สะท้อนว่า เป็นคีย์เวิร์ดที่คนไม่นิยมใช้ในการค้นหา

ตัวอย่างคีย์เวิร์ดคำว่า “ ทำ SEO” เมื่อดูข้อมูลแบบ Matching Term  มีคำมาขยายถึง 118 คำ สะท้อนว่า เป็นคำที่คนนิยมใช้หาข้อมูล

ส่วน Related Term จะใช้งานเพื่อหา “คำพ้องความหมาย” ซึ่งคือคำที่เขียนต่างกัน แต่ความหมายเหมือนกัน

ตัวอย่างเช่น เมื่อค้นหาข้อมูลคีย์เวิร์ดคำว่า “สำนักงานให้เช่า”  จากนั้นกด “Related Term” จะแสดงคำที่เกี่ยวข้อง และ คำพ้องความหมายขึ้นมา  เช่นคำว่า  “home office ให้เช่า” “เช่า office ขนาดเล็ก” 

ประโยชน์ของข้อมูลคำพ้องความหมายคือ ช่วยให้ทราบว่า คนใช้คีย์เวิร์ดอะไรเพื่อค้นหาสินค้าหรือบริการของเรา โดยเมื่อเราเริ่มทำ Keyword Research ขั้นตอนแรกคือ คิดคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าออกมา เมื่อนำคำเหล่านั้นใส่ใน Keyword Explorer แล้วดูที่ Related Term เราจะได้ไอเดียว่า คำที่คิดมามีคำพ้องความหมายอะไรบ้าง รู้ว่าจริงๆแล้ว คำที่คนใช้ค้นหาสินค้าหรือบริการของเรานั้นคือคำอะไร

สรุป

  • Ahrefs คือ All – In – One SEO Tool ยอดนิยมทั้งไทยและเทศ
  • Ahrefs มีจุดเด่นคือ เครื่องมือครบถ้วน ข้อมูลอัพเดทและหลากหลาย
  • ดูวิธีใช้งานเครื่องมือ Keyword Explorer ได้ที่ >> Keyword Explorer

บทความ แนะนำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *