11 SEO Tool ยอดฮิต ใช้เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ [ครบทุกเครื่องมือ]

เครื่องมือทำ SEO (SEO Tool)  คือซอฟต์แวร์เฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักการตลาดและเจ้าของเว็บไซต์ในการเพิ่มโอกาสที่เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ เครื่องมือเหล่านี้มีฟังก์ชั่นหลากหลาย เช่น Keyword Research Backlink Analysis Web Audit and etc .  SEO Tool ช่วยให้นักการตลาดมีข้อมูลอันเป็นประโยชน์ สามารถตัดสินใจอย่างถูกต้อง จึงเพิ่มโอกาสให้การทำ SEO ประสบความสำเร็จ ซึ่งหากไม่มี Tool เหล่านี้ การปรับแต่งเว็บไซต์จะเปรียบเหมือนคลำทางในที่มืด ต้องเสียเวลามากและโอกาสผิดพลาดสูง

บทความแนะนำ : SEO คืออะไร ทำไมจึงช่วยให้รายได้และกำไรธุรกิจพุ่ง

ในบทความนี้ เราจะแนะนำและรีวิว 11 เครื่องมือ SEO ยอดนิยมที่สามารถช่วยเพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณ  บทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเลือกเครื่องมือที่ดีที่สุดและตรงความต้องการ  เมื่อคุณอ่านบทความนี้จบแล้ว คุณจะมีความเข้าใจที่ชัดเจนว่าเครื่องมือ SEO ใดที่ควรลงทุนและวิธีที่มันสามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการตลาดออนไลน์ของคุณได้ มีเครื่องมืออะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ

SEO Tool มีกี่รูปแบบ อะไรบ้าง

SEO Tool สามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ดังนี้

  • All-in-one SEO Tool
  • SEO Content Tool
  • Google SEO Tool
  • Word Press SEO Tool

รายละเอียดมีอย่างไรบ้าง เรามาดูกันครับ

All-in-one SEO Tool

กลุ่ม All-in-one SEO Tool คือ เครื่องมือทำ SEO ที่ครอบคลุมทุกประเด็นที่ต้องทำเพื่อให้เว็บติดหน้าหนึ่ง ข้อดีคือ คุณไม่จำเป็นต้องใช้หลายเครื่องมือในการทำ SEO แถมหลายครั้ง การใช้ All-in-one SEO Tool อาจมีราคารวมที่ถูกกว่าการใช้เครื่องทำ SEO เฉพาะทางหลายตัวอีกด้วย โดยเครื่องมือแนะนำมีดังนี้

Ahrefs

Ahrefs คือ SEO Tool ยอดนิยมที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับนักการตลาดดิจิทัลและนักทำ SEO เนื่องจากความสามารถในการให้ข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้องและสามารถนำไปปฏิบัติได้ มีเครื่องมือหลากหลายและครอบคลุมทุกเรื่องของการทำ SEO  ทำให้ Ahrefs ยืนหนึ่งเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆตลอดมา

บทความแนะนำ : Ahrefs คืออะไร พร้อมสอนใช้งาน Keyword Explorer อย่างละเอียด

จุดเด่น

  • ความถูกต้องของข้อมูล: Ahrefs มีชื่อเสียงในข้อมูลที่อัพเดทและถูกต้อง_  เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ น่าเชื่อถือที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
  • หน้าจอผู้ใช้ที่ใช้งานง่าย: Ahrefs มี User Interface ที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทั้งผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ที่มีประสบการณ์และผู้เริ่มต้น การออกแบบที่เข้าใจง่ายและคู่มือการใช้งานอย่างครอบคลุมทำให้การเรียนรู้และใช้งานเครื่องมือนี้เป็นเรื่องง่ายดาย
  • Backlink Analysis : Ahrefs ให้ข้อมูล Backlink ซึ่งครอบคลุมและแม่นยำ ผู้ใช้สามารถสำรวจ Backlink ของตนเองหรือคู่แข่งได้อย่างลึกซึ้ง เพื่อทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Domain Authority , Anchor Text , Backlink Traffic and etc คุณสมบัตินี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการกำหนดกลยุทธ์การสร้างลิงก์ที่มีประสิทธิภาพและระบุจุดที่ต้องทำปรับปรุง

ราคา

SEMrush

SEMrush  เป็นอีกหนึ่ง All in One SEO Tool ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ดีที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ด้วยชุดฟีเจอร์ที่ครอบคลุม, ความแม่นยำของข้อมูล, อินเตอร์เฟสที่ใช้งานง่าย

จุดเด่น

  • Competitive Analysis : SEMrush  สามารถวิเคราะห์กลยุทธ์การทำ Digital Marketing ของคู่แข่งแบบครบวงจร ทั้ง Organic Traffic & Paid Traffic  ผู้ใช้สามารถสืบรู้กลยุทธ์ของคู่แข่ง เช่น ปริมาณการค้นหาแบบออร์แกนิก คีย์เวิร์ดที่ติดอันดับต้นๆ แคมเปญโฆษณา วิธีทำตลาดทาง Social Media และอื่นๆ
  • เครื่องมือการตลาดคอนเทนต์: SEMrush มีเครื่องมือสำหรับการวิจัย, สร้าง และปรับแต่งคอนเทนต์ ผู้ใช้สามารถค้นหาหัวข้อที่กำลังเป็นเทรนด์, วิเคราะห์ประสิทธิภาพของคอนเทนต์ และปรับแต่งให้ติดอันดับบนเครื่องมือค้นหาได้ดียิ่งขึ้น

ราคา

SE Ranking

SE Ranking  เปิดตัวในปี 2013 และกลายมาเป็นหนึ่งใน All in One SEO Tool ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน  อันมีจุดเด่นดังนี้

จุดเด่น

  • ชุดเครื่องมือ SEO ครบวงจร: SE Ranking มีชุดเครื่องมือที่ครอบคลุม ทั้งการตรวจสอบเว็บไซต์, การวิจัยคีย์เวิร์ด และการวิเคราะห์ SEO อย่างละเอียด เครื่องมือที่ครบถ้วนนี้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำ SEO ได้จากแพลตฟอร์มเดียว
  • คุ้มราคา: เมื่อเทียบกับเครื่องมืออื่น ๆ เช่น Semrush และ Ahrefs SE Ranking มีโซลูชันที่ประหยัดกว่า โดยไม่ลดทอนคุณภาพและฟีเจอร์ต่างๆ สิ่งนี้ทำให้ผู้ประกอบการหรือสตาร์ทอัพที่มีงบประมาณจำกัด สามารถเข้าถึงได้

ราคา

SEO Content Tool

SEO Content Tool คือ เครื่องมือที่สามารถสร้างบทความจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ตามปกติ การสร้างบทความซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน และ ปรับแต่งบทความนั้นให้ง่ายต่อการติดอันดันต้นๆของผลการค้นหา หรือที่เรียกว่า การสร้าง บทความ SEO (SEO Content) นั้น จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ การทำ SEO ประสบความสำเร็จ ดังนั้น SEO Content Tool จึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ควรนำมาใช้

Surface SEO

Surface SEO คือ AI SEO Tool ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก  เป็นเครื่องมือแรกๆที่ใช้เทคโนโลยี AI มาทำ SEO อย่างจริงจัง  Surface SEO ช่วยให้คุณค้นหาคีย์เวิร์ด สร้างคอนเทนต์ และวางแผนการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ ได้อย่างรวดเร็ว

จุดเด่น

  • AI SEO Tool : Surface SEO นำ AI มาช่วยทำ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคุณสามารถรวบรวมข้อมูล กำหนดแผน  และเขียนบทความให้ติดอันดับได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหลายวันเพื่อรวบรวมข้อมูลเหมือนในอดีต

    ตัวอย่าง SEO AI Tool ยอดฮิต คือ Grow Flow โดยการใช้งาน Grow Flow เริ่มจาก
    • ใส่ชื่อ Domain Name Website เพื่อเชื่อมต่อ Grow Flow เข้ากับเว็บไซต์ของคุณ
    • หลังจากนั้น  Grow Flow จะวิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณและคู่แข่ง  เลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม  รวบรวมข้อมูลจำเป็น (Site Audit Report , Page Speed , Backlink and etc) แนะนำหัวข้อบทความพร้อมร่างเนื้อหา
    • ทั้งหมดข้างต้น Grow Flow ทำแบบ Automatic โดยที่คุณแทบไม่ต้องลงมือเองเลย ส่งผลให้คุณรวบรวมข้อมูล สร้างแผนการทำ SEO ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วปานจรวด
  • เขียน SEO Content ได้รวดเร็ว : เครื่องมือ Content Editor ของ Surface SEO คือ 1 ในเครื่องมือเขียนบทความ SEO ที่ยอดเยี่ยม ทำให้คุณเขียนบทความที่มีเนื้อหาละเอียดเจาะลึก (long form Content) ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลาเขียนบทความอย่างมาก

    โดยการวิธีการใช้งาน Content Editor เริ่มจาก การใส่คีย์เวิร์ดที่ต้องการเขียนบทความ  หลักจากนั้น  Content Editor จะทำการวิเคราะห์คู่แข่งที่อยู่ 10 อันดับแรก เสนอหัวข้อบทความ สร้างร่างบทความที่ประกอบด้วยหัวข้อย่อยและเนื้อหาคร่าวๆให้แบบอัตโนมัติ

    ขั้นตอนต่อไป เราสามารถใช้ AI Writer Tool เพื่อสร้างบทความที่มีเนื้อหาละเอียด ครอบคลุมหัวข้อที่ต้องการนำเสนอ โดย Content Editor สามารถทำกระบวนการที่กล่าวมาทั้งหมดได้ด้วยเครื่องมือเดียว ไม่ต้องสลับไปใช้เครื่องมืออื่น ส่งผลให้การเขียนบทความ SEO ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

ราคา

Chat GPT Plus

Chat GPT Plus คือ Generative AI ที่มาพร้อมคุณสมบัติขั้นสูงที่ทำให้มันเป็นผู้ช่วยชั้นเยี่ยมสำหรับการสร้างบทความ SEO   Chat GPT Plus มาพร้อมเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้กระบวนการเขียนราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดเวลาและความพยายามอันมีค่าของนักเขียน

จุดเด่น

  • เครื่องมือเยอะ : Chat GPT Plus มีเครื่องมือมากมายสำหรับสร้างคอนเทนต์ ดังนี้
    • ค้นหาข้อมูล: ด้วยความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ChatGPT Plus สามารถรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น แค่ใส่ URL ของบทความ ใน ChatGPT Plus ก็สรุปเนื้อหาอย่างรวดเร็ว สามารถสรุปเนื้อหาของ Youtube เป็นตัวอักษร แนะนำแหล่งค้นคว้าข้อมูลที่น่าเชื่อถือและมีแหล่งอ้างอิง
    • คิดหัวข้อ สร้าง Outlinet : ChatGPT Plus สามารถคิดหัวข้อบทความที่น่าสนใจและอยู่ในกระแส จากนั้นสร้างโครงร่างและการแบ่งบทที่ละเอียด  ช่วยให้นักเขียนวางแผนและจัดโครงสร้างงานของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    • เขียนเนื้อหา : ChatGPT Plus GPT สามารถสร้างบทความที่อ่านเข้าใจง่าย เนื้อหาครบถ้วนและเจาะลึก พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะ แก้ไขคำผิด และความคิดเห็นแบบเรียลไทม์ ช่วยให้นักเขียนสร้างบทความคุณภาพสูงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
  • ราคาคุ้มค่า : Chat GPT Plus มีค่าบริการที่ 20$/ month  ถือว่าถูกและคุ้มค่ามากๆ

JASPER

Jasper AI คือ เป็นเครื่องมือสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งโดดเด่นในด้านการผลิตคอนเทนต์ SEO  ด้วยคุณสมบัติและฟังก์ชันอันล้ำสมัยที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้กระบวนการเขียนรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีจุดเด่นดังนี้

จุดเด่น

  • ใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูง : Jasper ใช้เทคโนโลยี AI ที่ทันสมัย ช่วยให้ผู้ใช้สร้างสรรค์คอนเทนต์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ลดทอนคุณภาพ สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ SEO เนื่องด้วยปริมาณของคอนเทนต์ส่งผลอย่างมากต่อการมองเห็นบนโลกออนไลน์ AI ของ Jasper มีความสามารถในการทำความเข้าใจและปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ใช้ ช่วยให้สามารถผลิตคอนเทนต์เฉพาะเจาะจงที่ตรงตามเป้าหมาย SEO ที่ตั้งไว้
  • เครื่องมือครบ : Jasper รวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้สร้าง SEO Content ได้อย่างง่ายดาย  เช่น  บอกคีย์เวิร์ดพร้อมแสดงปริมาณคนค้นหา  วิเคราะห์คู่แข่งที่ติดอันดับ 1 – 10 แจ้งจำนวนคำของบทความ และอื่นๆ  การบูรณาการนี้ช่วยให้ Jasper สามารถสร้างคอนเทนต์ที่ไม่เพียงดึงดูดผู้ชมเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างบทความที่มีรายละเอียดครบถ้วน ได้ในเวลา 3-4 ชั่วโมง แทนที่จะเป็น 3-4 วันเหมือนแต่ก่อน

ราคา

Google SEO Tool

Google SEO Tool คือ Google Tool ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณคนใช้งานเว็บไซต์ ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์มากกับการทำ Digital Marketing & SEO เพราะทำให้ทราบปริมาณคนเข้าชมเว็บที่มาจาก Google รู้พฤติกรรมการใช้งานเว็บ จึงช่วยให้เจ้าของเว็บสามารถพัฒนาเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้คน ที่สำคัญ เครื่องมือเหล่านี้ ใช้งานฟรีด้วย มีอะไรบ้าง มาดูกันเลย

Google Search Console (GSC)

Google Search Console (GSC) เป็นบริการเว็บฟรีที่ Google มอบให้เพื่อช่วยผู้ดูแลเว็บและผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ในการตรวจสอบและแสดงข้อมูลของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google โดย GSC มอบเครื่องมือและรายงานหลายรายการเพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจว่าเว็บไซต์ของตนแสดผลบน Google อย่างไร ค้นหาและแก้ไขปัญหา และปรับปรุงการมองเห็นในเครื่องมือค้นหาได้ดียิ่งขึ้น

คุณสมบัติสำคัญของ GSC ที่ช่วยเรื่องการทำ SEO

  • รายงานประสิทธิภาพ : ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการทำงานของเว็บไซต์คุณ ในผลการค้นหา รวมถึงการคลิก การแสดงผล ตำแหน่งเฉลี่ย และ CTR ข้อมูลนี้ช่วยให้คุณเข้าใจว่าคีย์เวิร์ดและหน้าที่ใดที่นำการเข้าชมมา
  • รายงานการทำ Index  : แสดงว่าเว็บเพจใดที่ถูกจัดทำดัชนีโดย Google และชี้ให้เห็นปัญหาที่ป้องกันไม่ให้หน้าถูกจัดทำดัชนี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ทั้งหมดของคุณสามารถค้นหาได้
  • รายงาน Core web vitals : Core Web Vitals เป็นชุดของตัวชี้วัดที่วัดประสบการณ์ผู้ใช้บนเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงประสิทธิภาพการโหลด การตอบสนอง และความเสถียรภาพของภาพ ปัจจัยเหล่านี้มีความสำคัญต่อความพึงพอใจของผู้ใช้และ ส่งผลต่ออันดับของผลการค้นหา

    โดยหากรายงานประสบการณ์การใช้งานระบุว่า เว็บไซต์ของคุณมีคะแนน core web vitals ต่ำ จะมีการแจ้งสาเหตุอย่างละเอียดว่า ปัญหามาจากขนาดภาพ เซิร์ฟเวอร์ตอบสนองช้า หรือต้องปรับปรุง Brower ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของเว็บรู้สิ่งที่ต้องปรับปรุงเว็บไซต์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเรื่อง SEO อย่างมาก

บทความแนะนำ : วิธีติดตั้ง Google Search Console อย่างละเอียด (โพสเดียวครบ)

Google Analytics (GA)

Google Analytics เป็นบริการวิเคราะห์เว็บที่ให้บริการโดย Google ซึ่งจะติดตามและรายงานการเข้าชมเว็บไซต์ มันให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการที่พฤติกรรมผู้ชมเว็บไซต์ของคุณ โดยเสนอข้อมูลที่สามารถช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้และเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจออนไลน์ของคุณได้

บทความแนะนำ : Google Analytics for SEO : เพิ่มผู้ชมและรายได้จาก Organic Search ด้วย GA

คุณสมบัติสำคัญของ GA ที่ช่วยเรื่องการทำ SEO

  • เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้ : Google Analytics มีรายงานข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการที่ผู้ใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เช่น เว็บเพจที่พวกเขาเยี่ยมชม ระยะเวลาที่พวกเขาอยู่ จุดที่พวกเขาออกจากเว็บไซต์ และอื่นๆ

    การเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้ช่วยให้คุณระบุสิ่งที่ต้องการปรับปรุง เช่น สร้างเนื้อหาให้ตรงกับที่ผู้ชมต้องการ เพื่อลดค่า Bounce Rate การเพิ่มเนื้อหาเพื่อเพิ่มระยะเวลาอยู่บนเว็บไซต์ ซึ่งการปรับปรุงเหล่านี้สามารถนำไปสู่ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น โอกาสติดอันดับต้นๆของผลการค้นหาจึงเพิ่มขึ้นตาม
  • ช่องทางการเข้าชมเว็บไซต์ : Google Analytics จะแจ้งช่องทางการพบเจอและเข้าชมเว็บไซต์ของผู้ชม  ไม่ว่าจะผ่านการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด โซเชียลมีเดีย การเข้าชมโดยตรง จากเว็บไซต์อื่น หรือการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย

    ประโยชน์ของข้อมุลข้างต้น จะช่วยให้คุณทราบว่า Main channel of traffic ของเว็บไซต์คุณคืออะไร และตรวจสอบผลลัพธ์ของการทำ SEO ว่า ปริมาณเข้าชมเว็บไซต์ด้วยคียเวิร์ดหรือผ่าน Search Engine ใกล้เคียงกับที่ตั้งใจไว้หรือไม่

Google Trend

Google Trends คือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มการค้นหาสิ่งที่น่าสนใจในอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้สามารถสำรวจได้ว่าคำค้นหาต่างๆ ถูกใช้บ่อยเพียงใด เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการค้นหาทั้งหมดในช่วงเวลาที่กำหนด เครื่องมือนี้สามารถมีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักการตลาด SEO เนื่องจากช่วยระบุหัวข้อที่กำลังเป็นที่นิยม ปริมาณการค้นหาแต่ละช่วงเวลา และความสนใจในคีย์เวิร์ดในแต่ละภูมิภาค

นักการตลาดสามารถใช้ Google Trend เพื่อดูความสนใจของสินค้า บุคคล เหตุการณ์ในช่วงเวลาต่างๆ รายละเอียดดังนี้

  • ระบุคำค้นหายอดนิยม: โดยการวิเคราะห์ความสนใจในการค้นหาคำหลักต่างๆ นักการตลาดสามารถระบุว่า คำหรือประเด็นใดที่กำลังได้รับความนิยมและนำมาใช้ในกลยุทธ์เนื้อหา
  • แนวโน้มตามฤดูกาล:  แจ้งข้อมูล Search Trend ว่า ปริมาณการค้นมีแนวโน้มยังไง ช่วงเวลาการค้นหาสูงสุดอยู่ในเดือนไหน ตัวอย่างเช่น การค้นหา “ชุดฮาโลวีน” จะสูงสุดในเดือนตุลาคม

Looker Studio

Looker Studio เดิมชื่อ Google Data Studio เป็นเครื่องมือในการสร้าง Visual Data ที่ทรงพลัง ช่วยให้นักการตลาด  นักวิเคราะห์สามารถสร้างรายงานที่ให้ข้อมูลเชิงลึก โดยแสดงออกมาเป็นรูปทรงที่เข้าใจง่าย  

ประโยชน์ของ Looker Studio จะช่วยให้นักการตลาด SEO รู้ผลลัพธ์ว่า หลังจากทำ SEO ปริมาณผู้เข้าชมเว็บเพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์หรือไม่ คนเข้าชมเว็บไซต์จากคีย์เวิร์ดใด  แคมเปญ Google Ads สร้างลูกค้าได้อย่างหวังหรือไม่ และอื่นๆ ผลลัพธ์เหล่านี้จะช่วยให้นักการตลาดรู้ผลลัพธ์ และปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นต่อไป

คุณสมบัติสำคัญของ Looker Studio คือ รองรับแหล่งข้อมูลหลากหลายที่สามารถรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างรายงานและการวิเคราะห์ที่ครอบคลุม ข้อมูลหลักที่สามารถแสดงใน Looker Studio มีดังนี้:

  • Google Analytics: ช่วยให้คุณสามารถแสดงผลข้อมูลการจราจรบนเว็บไซต์, พฤติกรรมของผู้ใช้, และตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลักอื่นๆ
  • Google Search Console: ช่วยในการติดตามประสิทธิภาพการค้นหา, วิเคราะห์คำค้นหา, และตรวจสอบสุขภาพของเว็บไซต์
  • Google Ads: ช่วยให้คุณติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา, รวมถึงตัวชี้วัดเช่น คลิก, การแสดงผล, และการแปลง
  • YouTube Analytics: ช่วยในการติดตามประสิทธิภาพของช่อง YouTube, รวมถึงการดู, เวลาการดู, และการเติบโตของสมาชิก
  • Google Sheets: สำหรับการอัพโหลดข้อมูลที่กำหนดเอง คุณสามารถใช้ Google Sheets เพื่อดึงข้อมูลหลายประเภทเพื่อการแสดงผล
  • BigQuery: ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และการแสดงผล, เหมาะสำหรับชุดข้อมูลระดับองค์กร
  • แหล่งข้อมูลของบุคคลที่สาม: Looker Studio รองรับตัวเชื่อมต่อของบุคคลที่สามหลายตัว เช่น MySQL, PostgreSQL, Salesforce, และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ, ทำให้สามารถรายงานข้ามแพลตฟอร์มได้อย่างครอบคลุม

Word Press SEO

Word Press คือ ซอฟท์แวร์สร้างเว็บไซต์แบบ Content Management System (CMS) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก จุดเด่นของ Word Press คือ ใช้งานง่าย มีเครื่องมือชั้นเยี่ยมสำหรับทำ Word Press SEO อย่างมากมายจนนับไม่ไหว โดยเครื่องมือแนะนำสำหรับทำ Word Press SEO มีดังนี้

Yoast SEO

Yoast SEO เป็นปลั๊กอินของ WordPress ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มโอกาสทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้นๆของ Google Yoast SEO คือหนึ่งในเครื่องมือยอดฮิตที่ใช้ทำ WordPress SEO เพราะใช้งานง่าย มีชุดเครื่องมือที่ครอบคลุมในการทำ SEO อย่างครบถ้วน

เครื่องมือสำคัญของ Yoast SEO จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักดังนี้

1. ปรับปรุงเนื้อหาเว็บเพจ

  • ปรับแต่ง Meta Tags and Descriptions : มีเครื่องมือในการปรับแต่งและแก้ไข Meta Tags & Description ซึ่งเป็นสิ่งที่ Google ใช้ตัดสินว่า เว็บเพจมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
  • การวิเคราะห์เนื้อหา: วิเคราะห์องค์ประกอบของเว็บเพจแบบเรียลไทม์ว่า มีโอกาสสูงที่จะติดอันดับต้นๆของผล Google หรือไม่ พร้อมคำแนะนำในการปรับปรุง
  • Internal Link : มีฟีเจอร์แนะนำวิธีการเชื่อมโยงภายใน (Internal Link) แบบอัตโนมัติ โดยแนะนำว่า ควรลิงก์ไปหน้าไหนบ้าง Achotext ควรเป็นคำใด เพื่อให้ผลลัพธ์ทาง SEO ดีขึ้น

2.เครื่องมือสนับสนุนการทำ SEO

  • เชื่อมต่อ Google Search Console & Google Analytic : ช่วยให้เว็บไซต์เชื่อมต่อกับ Google Search Console & Google Analytic ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
  • แผนผังเว็บไซต์ XML: สร้างแผนผังเว็บไซต์ (Sitemap) แบบ XML โดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ Google สามารถเข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ได้อย่างทั่วถึง
  • URL Canonical: ป้องกันปัญหาเนื้อหาซ้ำด้วยการตั้งค่า URL Canonical สำหรับหน้าของคุณ
  • Schema Markup : สร้าง Schema Markup ให้กับแต่ละเว็บเพจ โดย Schema Markup จะส่งผลให้ Google แสดงข้อมูลบางอย่างผลการค้นหา เช่น  ราคา รีวิว รูปภาพ   ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยดึงดูดความสนใจผู้คนหา และ เพิ่มปริมาณคนคลิ๊กเข้าชมเว็บไซต์ได้

สรุป

  • เครื่องมือทำ SEO (SEO Tool)  คือซอฟต์แวร์เฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักการตลาดและเจ้าของเว็บไซต์ในการเพิ่มโอกาสที่เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ
  • SEO Tool สามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก รายละเอียแต่ละกลุ่มเนื้อหาข้างต้น

บทความ แนะนำ